ลูกฉลาด เริ่มที่คุณแม่
หากถามถึงความฉลาด
ไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนไม่ต้องการให้ลูกน้อยฉลาด คุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจใส่ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์เลยทีเดียว
ลูกน้อยจะฉลาดมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุกรรมที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
สิ่งแวดล้อมรอบตัว ความรู้ที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้ประสบการณ์การเรียนรู้เอง
การดูแลเอาใจใส่ของทุกคนรอบข้าง
ปัจจุบันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วยเสริมสร้าง
IQ และ EQ
ให้ลูกน้อยของคุณแม่ทั้งหลายมีความฉลาดมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากอยากให้ลูกฉลาด
ก็ให้ลูกเรียนพิเศษ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความสามารถในการเรียน จนลืมไปว่า
ปัจจัยที่สำคัญที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ก็คือ ครอบครัว หากครอบครัวอบอุ่น
ให้คำแนะนำที่ดี เอาใจใส่ลูกน้อยตั้งแต่เล็กจนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ลูกน้อยของท่าน นอกจากจะฉลาดทันคนแล้ว สามารถอยู่รอดได้ในโลกปัจจุบัน
อีกวิธีหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่
สามารถเพิ่มความฉลาดให้ลูกน้อยได้ โดยเริ่มจากการดูแลเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน
ตั้งแต่ลูกน้อยของท่านอยู่ในครรภ์ค่ะ คุณพ่ออาจจะมีส่วนช่วยบ้าง
เช่นการพูดคุยลูกน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้ว
คุณแม่เองจะเป็นคนเดียวที่สามารถเพิ่มพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี เพราะคำว่าสายสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกลึกซึ้งกว่าสิ่งใด
ความสำคัญของการทำให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์
คุณแม่เองต้องทราบและต้องศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อยเมื่ออยู่ในครรภ์
ว่ามีการพัฒนาการอย่างไรบ้างในแต่ละช่วงการตั้งครรภ์ค่ะ
-
ระยะการตั้งครรภ์
1-3 เดือนแรกของคุณแม่ พัฒนาการของลูกน้อยก็คือ การเริ่มสร้างอวัยวะ กล้ามเนื้อ
รวมถึงเชลล์ประสาท ช่วงนี้คุณแม่ต้องระมัดระวังในหลายๆ เรื่อง ทั้งการกินอาหาร
ยา ดูแลสุขภาพตนเองให้ดีอยู่เสมอ
พักผ่อนให้เพียงพอ
-
ระยะการตั้งครรภ์
4-6 เดือน ช่วงนี้คุณแม่จะรู้สึกว่าลูกดิ้น นี่คือการแสดงว่า
ลูกน้อยมีการพัฒนาการการได้ยินขึ้น คุณแม่สามารถพูดคุย ร้องเพลง
หรือฟังเพลงกับลูกน้อยได้ค่ะ เพิ่มความสัมพันธ์ ความใกล้ชิด
วิธีนี้เป็นพัฒนาการในเรื่องของภาษา การรับรู้ และการตอบโต้ระหว่างแม่และลูกน้อยค่ะ
เพลงที่จะฟังร่วมกับลูกน้อยก็ควรเป็นเพลงนุ่มนวล และเสียงก็ไม่ควรดังเกินไป
(คุณแม่เปิดฟังเองก่อนนะคะ ให้อยู่ในระดับที่เบาๆ )
-
ระยะการตั้งครรภ์
7-9 เดือน ลูกน้อยจะมีพัฒนาการการรับรู้ได้มากขึ้น สังเกตได้จากการดิ้น เตะ ถีบ การสัมผัสด้วยการลูบท้อง
ไม่ว่าจะเป็นลูบเป็นวงกลมหรือลูบขึ้นลง ก็เป็นสัมผัสที่อ่อนโยน
ลูกน้อยสามารถรับรู้ได้ เช่น ลูกน้อยถีบคุณแม่แรงๆ จนท้องบิดเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง
เพียงแค่คุณแม่ลูบบริเวณนั้นเบาๆ ลูกน้อยก็จะค่อยๆ กลับตัวในท้องให้อยู่ในท่าเดิมลูกน้อยรับรู้ถึงการหิว
และลูกน้อยจะรับรู้ถึงแสงสว่าง หรือมืดได้ค่ะ
แนะนำว่าเพิ่มพัฒนาการมองเห็นด้วยการส่งไฟที่บริเวณหน้าท้อง
ห่างจากหน้าท้องพอสมควร และห้ามส่องนานนะคะ
หรืออาจจะส่องเป็นไฟกระพริบเป็นการกระตุ้นการมองเห็นและปรับตัวให้พร้อมออกมาดูโลกภายนอกได้ค่ะ
นอกจากนี้
คุณแม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกน้อยได้น้อยหรือมาก
ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณแม่เองด้วยนะคะ คุณแม่ที่มีอารมณ์ดีตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
ลูกน้อยที่ออกมาลืมตาดูโลก ก็จะอารมณ์ดี ไม่งอแง เลี้ยงง่าย หากคุณแม่รู้สึกเมื่อยล้าจากการรับน้ำหนักในแต่ละวัน
แนะนำว่าให้คุณแม่นวดขาหรือเท้า เพื่อผ่อนคลาย หรืออาจจะใช้น้ำหอมระเหย
กลิ่นที่คุณแม่ชอบด้วยก็ได้ค่ะ เพราะนอกจากคุณแม่จะผ่อนคลายแล้ว
ลูกน้อยในครรภ์ก็ได้ผ่อนคลายไปด้วยเช่นกันค่ะ
การทานอาหารสำหรับคุณแม่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญสำหรับลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
เพราะถ้าคุณแม่ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ทุกอย่างส่งผลให้คุณแม่และลูกน้อยตรงกัน
เหมือนที่กล่าวกันว่า แม่กินอะไรลูกก็ได้อย่างนั้น
การออกกำลังกายสำหรับคุณแม่นั้น
อาจจะเป็นแค่การเดินเล่นไปมาในสวน แค่นี้ลูกน้อยเองก็ได้ออกกำลังกายเช่นกันค่ะ
คุณแม่ทั้งหลายอาจจะได้รับการแนะนำมากจากคุณหมอ
หรือ ญาติ คนใกล้ชิดแนะนำมาแล้วส่วนหนึ่ง ขอแนะนำวิธีเหล่านี้ไปปฏิบัติดูก็ได้ค่ะ
รับรองว่าได้ผลดีเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น