วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หน้าหนาวและลูกน้อยกับโรคร้าย (แชร์ประสบการณ์)






หน้าหนาวและลูกน้อยกับโรคร้าย (แชร์ประสบการณ์)
                โรคร้ายที่มากับหน้าหนาว ความคิดของบางท่านดูเหมือนว่าจะไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงได้ (คนมีฐานะดี) เพราะวิวัฒนาการการรักษาโรคในแต่ละโรงพยาบาลหลายๆ แห่งมีความเชี่ยวชาญไม่แพ้กันเลย แต่ในกรณีของดิฉัน ไม่ใช่เลยค่ะ โรคร้ายที่ดิฉันเจอและเกิดขึ้นกับลูกน้อยของดิฉัน ก็คือ โรคเส้นเลือดใหญ่ตีบตัน คงสงสัยกันใช่ไหมคะ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับโรคร้ายที่มากับหน้าหนาว ดิฉันจะแชร์ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับดิฉัน จนไม่มีวันลืมได้ลงเลยค่ะ
ดิฉันอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย การเป็นอยู่ฐานะครอบครัว ก็แค่พออยู่พอกิน ดิฉันได้แต่งงานและตั้งครรภ์เมื่ออายุได้ 20 ปี (ลูกคนแรก) ดิฉันและแฟนเป็นคนที่มีสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงไม่ค่อยเป็นไข้หรือเป็นหวัด นานๆ ครั้งจึงจะเป็นสักครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดสิ่งร้ายๆ กับชีวิตของเราเลยค่ะ ดิฉันคลอดลูกสาวคนแรกตอนอายุครรภ์ได้ 8 เดือนครึ่ง (คุณหมอบอกว่าคลอดครบกำหนด-คลอดแบบธรรมชาติ) ดิฉันก็เลี้ยงดูลูกน้อยของดิฉันเป็นอย่างดีมาตลอด การเลี้ยงลูกสำหรับคุณแม่มือใหม่ ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยนะคะ ส่วนมากก็จะเป็นการแนะนำของบรรดาญาติๆ บ้านข้างเรือนเคียง นั่นแหละค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับดิฉันและลูกน้อย เริ่มจากพอเข้าหน้าหนาว ตอนนั้นลูกน้อยดิฉันก็มีอายุได้ประมาณ 6 เดือนกว่า เริ่มมีอาการเป็นไข้หวัด มีน้ำมูก เป็นไข้ตัวร้อน ดิฉันก็พาไปพบคุณหมอ (อนามัย) ได้รับยาเป็นยาแก้ไขธรรมดา รับประทานยาตามคุณหมอสั่ง เวลาผ่านไป 3-4 วันอาการก็ไม่หาย และยังมีอาการไอเพิ่มมาด้วย ดิฉันก็ไปพบคุณหมอ (อนามัยเช่นเคย) ก็ได้ยาแก้อักเสบเพิ่มเติม ก็ทานยาแบบนี้จนยาหมด อาการของลูกน้อยก็ยังไม่หาย ที่แย่กว่านั้นก็คือ ไอเป็นเลือดและอาเจียนด้วย ลูกสาวดิฉันอายุได้ 7 เดือน (ป่วยนาน) ดิฉันก็พาไปพบคุณหมออีก (คราวนี้ไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลในตัวเมือง) คุณหมอก็สั่งยาเพิ่มให้ คือ ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้อักเสบ (ยาแรงกว่าเดิม) ดิฉันก็กลับมาบ้านให้ยากับลูกน้อยตามหมอสั่ง 1-2 วันแรกอาการก็ดีนะคะ แต่พอเริ่มวันที่ 3 ทานอาหารเข้าไปก็อาเจียนออกทุกครั้ง ทานได้แต่นมแม่ (อาจจะเป็นเพราะนมอุ่น) ทำให้น้ำหนักตัวลดลง พอกลางคืนลูกน้อยของดิฉันก็ไอจนเป็นเลือดอีก (ไม่ได้หลับเลยค่ะ ทั้งแม่และลูก) กว่าที่ดิฉันจะสามารถเก็บเงินและพาลูกน้อยเดินทางไปโรงพยาบาลในตัวเมืองได้อีกครั้ง ลูกสาวดิฉันก็อายุได้ 8 เดือนแล้วละคะ คราวนี้ดิฉันได้พบกับคุณหมออีกคน คุณหมอท่านนี้ก็ได้วินิจฉัยว่า ต้องอัลตราซาวน์ปอด (เหมือนกับอัลตราซาวน์ท้องนั่นแระค่ะ) แต่ต้องทำให้น้องหลับก่อนนะคะ เมื่อต้องป้อนยา (ลูกสาวเป็นคนทานยายากมากค่ะ) ก็มีอาการอาเจียนออกหมดต้องป้อนยาถึง 2 ครั้ง ลูกสาวดิฉันถึงจะหลับ เมื่อคุณหมออัลตราซาวน์ปอดดูก็พบว่า ลูกสาวดิฉันเป็นโรคเส้นเลือดตีบตัน และเป็นปอดบวมร่วมด้วย จึงจำเป็นต้องทำการแอดมิด (โชคดีที่ลูกสาวดิฉันมีบัตรสุขภาพสำหรับเด็ก) วิธีการรักษา คุณหมอรักษาด้วยการให้น้องดมยาเป็นเวลา 10 นาที ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง รักษาอย่างนี้เป็นเดือนเลยละคะ กว่าลูกสาวของดิฉันจะหายจากอาการปอดบวมจนหายดีแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งโรคร้ายที่ยังติดตัวมา คุณหมอแนะนำ (ทำหนังสือส่งตัว) ให้เดินทางไปที่โรงพยาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะมีเครื่องมือและแพทย์ที่พร้อมกว่า เมื่อไปถึงคุณหมอก็ให้เข้าแอดมิดเช่นเดิม คุณหมอใช้เวลาในการดูอาการเป็นเดือน (โรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่2 แล้วละคะ) คุณหมออธิบายถึงการรักษาว่านอกจากเส้นเลือดตีนตันแล้ว หัวใจห้องล่างซ้ายยังรั่วอีก (โอ้แม่เจ้าหัวใจดิฉันจะสลาย ฟังคุณหมออธิบายไปและร้องไห้สงสารลูกมากๆค่ะ) ต้องทำการผ่าตัดด้วยการผ่ากระดูกอกออก (แหวกอก) และทำการใส่สายยางเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนและทำการเย็บหัวใจห้องที่รั่ว กระตุ้นให้หัวใจทำงานเป็นปกติ แต่จะต้องมาทำการเปลี่ยนสายยางทุก 5 ปี (ตอนนั้นกำลังคิดว่าลูกสาวดิฉันจะต้องเจ็บตัวอีกกี่ครั้ง ดิฉันก็รู้สึกเจ็บแทนแล้วละคะ) ตอนนั้นลูกสาวดิฉันอายุได้ 1 ขวบพอดี คุณหมอจึงตรวจสอบสุขภาพของลูกสาวก่อนทำการผ่าตัด เห็นว่าสุขภาพยังไม่แข็งแรงจึงให้กลับบ้านไปก่อน เมื่ออายุได้ 1 ขวบครึ่งค่อยรับการผ่าตัด ช่วงระยะที่มาพักฟื้นที่บ้าน สังเกตุได้ว่าหัวใจของลูกสาวดิฉันโตขึ้นเพราะเห็นได้ชัดว่าอกด้านซ้ายจะนูนผิดปกติ เมื่ออายุครบตามที่คุณหมอกำหนด (เกินไป 1 เดือน) ก็เข้ารับการผ่าตัด (ดิฉันดีใจและโชคดีมากๆ เป็นพระคุณอย่างสูงที่ลูกสาวดิฉันได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นคนไข้ในพระองค์จากพระเทพรัตนสุดาฯ)  เมื่อทำการรักษาผ่าตัดไปด้วยดี (เข้าหน้าหนาวอีกแล้ว) หลังรักษาและดูอาการหลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้  ลูกสาวดิฉันก็ทานนม อาหารได้เป็นปกติได้เกือบ 1 เดือน ซึ่งขณะนั้นดิฉันเดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อถึงคราว ลูกสาวดิฉันดื่มน้ำและลักน้ำ (คุณแม่เป็นคนดูแลลูกสาวดิฉัน) คุณแม่บอกดิฉันว่าลูกสาวดิฉันสำลักน้ำ น้ำจึงเข้าปอดจนกลายเป็นปอดบวดอีกครั้ง มีอาการไอ อาเจียนตลอด ในวันที่ 3 หลังจากสำลักน้ำ เป็นคืนสุดท้ายที่ไอและอาเจียนเป็นเลือดเยอะมาก คุณแม่ต้องเดินทางเข้าเชียงใหม่เป็นการด่วนกลางดึก (ระยะทางจากเชียงรายถึงเชียงใหม่ก็ไกลโข) ลูกสาวดิฉันเสียชีวิตกลางทาง  นี่แหละค่ะโรคร้ายที่คร่าชีวิตเล็กๆ ของลูกน้อย ของดิฉัน
การป้องกันหรือวิธีการดำเนินชีวิตหลังจากได้รับการผ่าตัด
-                   การป้องกันโรคเส้นเลือดตีบตัน ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด คุณหมอแนะนำว่าให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นจำพวกผักและผลไม้ ไม่ทานอาหารจำพวกของหวานหรือไขมัน  ทานยาให้ตรงตามที่คุณหมอสั่งยาให้นะคะ(ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กคุณหมอจะไม่ให้ทานยาค่ะ เพราะยาจะมีฤทธิ์แรงไป) และอย่าลืมที่จะออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ (ห้ามหักโหมนะคะ)
-                   หลังจากได้รับการผ่าตัด ต้องงดออกกำลังกาย จนกว่าคุณหมอจะอนุญาตค่ะ ที่อยู่อาศัยจะต้องมีอากาศโปร่ง ไม่มีอากาศที่เป็นพิษ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับมลภาวะเป็นพิษ ควรหาผ้าปิดจมูกไว้เสมอค่ะ ร่างกายต้องอบอุ่นอยู่เสมอ เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อหรือโรคปอดบวมแทรกซ้อนได้ค่ะ และต้องปฏิบัติตนตามคุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่ออายุที่ยาวนานขึ้นค่ะ
** ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ดิฉันก็ยังคงจำได้ไม่มีวันลืม หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้คงมีประโยชน์และอุธาหรณ์ ให้แกคุณแม่หลายๆ ท่านได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณที่ให้แชร์ประสบการ์ค่ะ (แด่..น้องอามลูกรัก)**







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น