วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

ความรักที่พ่อมีต่อลูก



 

ความรักที่พ่อมีต่อลูก

ความรักที่พ่อมีให้ลูกนั้นมันมากมายไม่แพ้ความรักที่แม่มีให้ลูกเลย ปัจจุบันนี้ไม่ใช่จะมีแต่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเท่านั้นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็มีให้เห็นเยอะแยะเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชายบางคนที่เขามีปัญหาหย่าร้างแล้วเขาจะไม่อยากเลี้ยงลูก เขาอยากเลี้ยงแต่เขาไม่ได้รับโอกาสนั้นเฉยๆ ผู้เขียนได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งเขาได้เล่าอดีตและปัญหาของครอบครัวที่ผ่านมาให้ฟัง
          เขาไปได้งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯและก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปเดินเที่ยวเล่นในห้างตามปกติของคนที่ไปใช้ชีวิตในเมืองกรุง เขาสองคนได้รู้จักกันและก็คบกันในฐานะแฟนแล้วก็อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยที่ไม่ได้แต่งงานกัน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาอยู่กินกันมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย เมียไม่อยากทำงานก็ไม่ว่า นอนอยู่ห้องเฉยๆก็ไม่เป็นไร ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ถึงปีทางฝ่ายผู้หญิงก็ท้องเขาดีใจมากที่จะได้เป็นพ่อคนและเป็นลูกคนแรกของเขาด้วย
          และก็มาถึงวันที่เขามีความสุขที่สุดคือวันที่ลูกเขาได้ลืมตาดูโลก จะไม่ให้เขารักลูกคนนี้มากมายได้ยังไงก็เพราะเขาเป็นคนทำคลอดเองกับมือ วันนั้นเขาทำงานเข้ากะดึกเลิกงานกลับบ้านมาตอนเช้าก็มานอนตามปกติแต่วันนั้นแทบจะไม่ได้นอนเพราะเมียของเขาเข้าห้องน้ำบ่อยมากเมียเขาบอกว่าปวดถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก คงเพราะเป็นพ่อแม่มือใหม่ทั้งคู่เลยไม่รู้ว่านั่นคือสัญญาณเตือนว่าใกล้คลอดแล้ว
         ตัวเขาก็เริ่มฉุกคิดแล้วล่ะว่าเข้าห้องน้ำบ่อยขนาดนี้จะคลอดหรือเปล่า เขาเลยให้เมียเขานอนลงและจับขาเมียเขาชันเข่าขึ้นปรากฏว่าหัวเด็กโผล่ออกมาแล้วนิดหนึ่ง เขาก็เลยตัดสินใจให้เมียเบ่งลูกออกมาเองเลยเพราะพาไปโรงพยาบาลก็คงไม่ทันแล้ว เบ่งแค่ครั้งเดียวเด็กก็ออกมาทั้งตัวเลยเป็นอะไรที่แบบว่าคลอดง่ายมาก พอเด็กคลอดแล้วถึงได้พาไปส่งที่โรงพยาบาลหอบกันไปทั้งแม่ ลูก รกและเลือดเต็มไปหมด ให้คุณหมอตัดสายรกให้และอยู่ในความดูแลของหมอต่อไป
          หลังจากนั้นก็มาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตเขาเมื่อเขาได้ตัดสินใจว่าจะพาลูกเมียกลับไปอยู่บ้านของเขาที่ทางภาคอีสาน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก็หาเช้ากินค่ำเงินทองที่เก็บสะสมไว้เมื่อตอนที่ทำงานก็เริ่มหมดถึงขนาดที่ต้องขายรถ อยู่กันจนลูกอายุได้ขวบกว่าๆทางพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็บอกให้ไปอยู่ด้วยกันทางภาคเหนือเพราะที่นั่นมีสวนผลไม้แต่ไม่มีใครดูแล ก็เลยตัดสินใจไปใช้ชีวิตอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย
          เขาไปอยู่ที่นั่นไม่ใช่แค่ดูแลสวนผลไม้แต่เขาทำงานรับจ้างทุกอย่าง ในสวนของคนอื่นบ้าง ฟาร์มหมูบ้าง ฟาร์มไก่บ้าง คือทำทุกอย่างขอให้ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว ดูๆแล้วชีวิตเขาคงจะมีความสุขมากขึ้นแต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ทำงานได้เงินมาเท่าไหร่แม่ยายถามเอาทุกบาททุกสตางค์ เมียเขาก็เลยตัดสินใจที่จะไปทำงานเพื่อช่วยกันอีกแรงและเมียเขาก็ได้งานทำในตัวจังหวัด แรกๆที่ได้ทำงานเมียเขาก็นั่งรถไปกลับทุกวัน พอทำงานได้ระยะหนึ่งก็บอกว่าเหนื่อยนั่งรถและขอไปเช่าหอพักอยู่วันหยุดถึงจะกลับมาหาลูกหาผัว แต่มาระยะหลังๆเริ่มไม่กลับเดือนหนึ่งกลับครั้งหนึ่ง คนเป็นผัวก็เลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นไปแอบดูถึงได้รู้ว่าเมียตัวเองเล่นชู้
          จากนั้นเขาก็เลยตัดสินใจที่จะเลิกกับแม่ของลูก เลยไปรับลูกที่โรงเรียนเพราะตอนนั้นลูกเข้าเตรียมอนุบาลแล้ว เขาแอบพาลูกไปอยู่บ้านเขาที่จังหวัดทางภาคอีสาน แต่แทนที่เขาจะได้อยู่อย่างมีความสุขกับลูกเขาสองคนปรากฏว่าเมียเขาไปแจ้งตำรวจว่าเขาขโมยลูกไปและพาตำรวจไปเอาลูกคืนถึงที่บ้านเขา เขาก็เลยต้องคืนลูกให้กับเมียของเขาไปเพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสเด็กจึงเป็นสิทธิ์ของแม่ จากนั้นมาเขาก็กลายเป็นคนไม่พูดจมอยู่กับความทุกข์ พวกพี่ๆเขาทนเห็นน้องมีความทุกข์อยู่อย่างนี้ไม่ไหวจึงให้เขาไปทำงานที่เมืองนอกเพื่อที่จะให้เขาลืมเรื่องราวร้ายๆได้เร็วขึ้น
          กาลเวลาก็ช่วยให้เขาลืมได้จริงๆและปัจจุบันก็มีครอบครัวใหม่แล้วแต่เขาก็ไม่เคยลืมลูกของเขาเลย ยังอยากจะไปเจอลูกอยู่เสมอแต่ก็ไม่กล้าไป จนวันหนึ่งเขาได้หัดเล่น facebook และได้ค้นหาชื่อลูกสาวของเขา และก็ได้เจอจริงๆจากที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกมาเป็นเวลาสิบกว่าปี ตอนนี้ลูกของเขาอายุได้สิบหกปีแล้ว เขาก็ติดต่อไปหาลูกซึ่งคนเป็นลูกก็ดีใจมากที่พ่อติดต่อไปหา ทุกวันนี้เขาก็ส่งเงินไปให้ลูกของเขาใช้ทุกเดือน เมียใหม่เขาก็ดีไม่ว่าอะไรให้ส่งเสียได้เต็มที่ และอีกไม่นานนี้เขาก็จะได้เจอหน้าลูกแล้วเพราะปิดเทอมนี้ลูกเขาบอกว่าจะไปหาพ่อเพราะคิดถึงพ่อมากเหมือนกัน
          เรื่องนี้เทคโนโลยีก็มีส่วนช่วยได้มาก ไม่ใช่จะมีแต่ด้านเสียในแง่มุมที่ดีๆก็มีเหมือนกัน บางครั้งปัญหาหย่าร้างก็ไม่ได้เกิดจากฝ่ายชายข้างเดียวแต่บางรายต้นเหตุก็เกิดจากฝ่ายหญิงก็มี เราต้องฟังความทั้งสองฝ่ายไม่ใช่พอเกิดปัญหาหย่าร้างขึ้นมาก็จะโทษแต่ฝ่ายชายว่าไม่มีความรับผิดชอบ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น