วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

คู่มือการเลี้ยงลูกฉบับคุณแม่ยุคใหม่




คู่มือการเลี้ยงลูกฉบับคุณแม่ยุคใหม่
พ่อ แม่ สมัยใหม่ มักมีความเข้าใจว่าการส่งลูกเข้าโรงเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกที่พึงกระทำ หรือบางครอบครัวอาจจะไม่มีเวลาได้ดูแลลูกรักด้วยตัวเอง สาเหตุเพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างมีงานที่ต้องทำ  หรืออาจจะเพราะสาเหตุอื่นๆก็ดี  ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่จะไม่มีทางรู้เลยว่าลูกรักของคุณเขาต้องการอะไร? พัฒนาการของเขาไปถึงขั้นไหน? เขาพร้อมหรือยังที่จะก้าวเข้าสู่สังคมส่วนรวม เมื่อไม่ได้อยู่กับบุคคลในครอบครัว?
จากประสบการณ์ที่ดิฉันเคยเป็นครูปฐมวัยมาก่อน ทำให้ดิฉันตระหนักดีว่า เด็กแต่ละคนได้รับการเลี้ยงดูมาแบบต่างกัน บางครอบครัวให้ความรักและการเอาใจใส่ลูกรักเป็นอย่างดี บางครอบครัวก็เลี้ยงแบบปล่อยปะละเลย  ซึ่งการเลี้ยงดูในแบบต่างๆส่งผลถึงพฤติกรรมของเด็กในรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูในแบบที่คุณพ่อคุณแม่เอาใจใส่ และดูแลอย่างใกล้ชิด เขาจะมีทั้งIQ และ EQ ที่เหมาะสมกับวัยของเขา เช่น การที่เขารู้จักช่วยเหลือผู้อื่น  รู้จักแบ่งปัน  รู้จักการนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ มีความร่าเริงแจ่มใสสมวัยนั้น เป็นผลที่ได้จากการฝึกสอนให้เด็กมี EQ  จากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพัฒนาการสำหรับลูกรักที่เหมาะสมตามวัย  ส่วนทางด้านIQ คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ลูกรักมีพัฒนาการด้าน IQ เป็นอย่างมาก เช่น
1. การเล่นจั๊กจี้กับลูกรักโดยการเล่นปูไต่ จะทำให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับการคาดเดาเหตุการณ์  ว่าถ้าพ่อแม่เล่นอย่างนี้จะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ปูจะไต่จากไหนไปถึงไหน  และยังเป็นการช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกรักอีกด้วย? 
2. การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ซึ่งการอ่านหนังสือจะสามารถช่วยในเรื่องของการเรียนรู้ภาษาได้จริงๆ เด็กจะสามารถจดจำการเรียงลำดับคำจากประโยคที่คุณพ่อคุณแม่อ่านให้ฟังซ้ำๆ 2-3 ครั้งได้  และเด็กจะสามารถหัดพูดตามคำสุดท้ายของประโยค  เป็นการฝึกเริ่มต้นสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยหัดพูดได้เป็นอย่างดี
3. ให้ลูกผ่อนคลายได้อยู่กับตัวเองบ้าง ให้เวลาประมาณ 5-10 นาที ปล่อยให้ลูกน้อยนั่งสบายๆ เงียบๆอยู่บนพื้นบ้าน เพื่อให้ลูกน้อยได้ลองสำรวจสิ่งต่างๆตามใจชอบโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับลูกเลย รอจนกว่าลูกน้อยจะคลานมาขอเล่นกับคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง นี่เป็นการฝึกความเป็นตัวของตัวเองให้กับลูกในขั้นแรก อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้ลูกรัก ได้เรียนรู้กับการสังเกตสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว  เป็นการกระตุ้นให้ลูกรักเกิดความอยากรู้ และค้นหาตำตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้ได้ด้วยตัวเอง
4. สร้างอุปสรรค์เล็กๆน้อยๆให้กับลูก โดยการวางหมอน หรือตุ๊กตาไว้ตามพื้น แล้วสังเกตพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางของลูกน้อย ว่าเขามีวิธีผ่านสิ่งเหล่านั้นมาได้อย่างไร ?  อาจจะผ่านมาได้ด้วยการข้าม การอ้อม การลอด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้อยได้เรียนรู้กับวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
5. ปล่อยให้ลูกน้อยได้ทดลอง อย่าเพิ่งดุ เช่น หากลูกน้อยขว้างของเล่น พฤติกรรมนี้เกิดจากการที่ลูกน้อยอยากรู้ว่า ทุกครั้งที่ขว้างของเล่นออกไป มันจะตกลงสู่พื้นทุกครั้งหรือไม่  หรือ การปล่อยให้ลูกน้อยลองลงจากบันได 1 ขั้น เพื่อให้เขาได้เรียนรู้วิธีลงด้วยตัวเองว่า ลงแบบไหนเขาจะปลอดภัยที่สุด
และยังมีอีกหลายวิธีสำหรับการเตรียมความพร้อมทางด้าน IQ ให้กับลูกรัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเตรียมพร้อมด้าน IQ ก็ต้องควบคู่ไปพร้อมกับด้าน EQด้วย เพราะถ้าลูกรัก มีแต่พัฒนาการด้านIQ อย่างเดียว แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นเด็กฉลาด แต่ด้อยทางด้านจิตใจและอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลให้พัฒนาการทางด้านสังคมของลูกรักมีปัญหาตามมาอีกด้วย เมื่อถึงเวลาที่ลูกรักจะต้องก้าวเข้าสู่สังคมส่วนรวมในโรงเรียน เด็กก็มักจะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “ เอาแต่ใจ ” พฤติกรรมอย่างนี้ เป็นปัญหาทั้งต่อตัวเด็กเอง หรือแม้กระทั่งบุคคลรอบตัวเด็ก เพราะการเลี้ยงดูลูกรักด้วยการให้ทุกอย่างที่เด็กต้องการไม่ใช่วิธีการเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง หากแต่เป็นการสอนให้เด็กอยากได้โดยไม่รู้จักพอประมาณ  การตอบสนองแบบทันท่วงทีที่เด็ก เรียกร้องเป็นการฝึกให้ลูกรักไม่ได้เรียนรู้จักเวลา และการรอคอยอย่างที่ควร ซึ่งปัญหาเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่สามารถแก้ปัญหาได้ ในครั้งหน้า เราจะมาพูดถึงวิธีการเสริมสร้าง EQ ให้กับลูกรักกันค่ะ สำหรับฉบับนี้ คงต้องลากันไปก่อนพบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
รวีวรรณ  เกตุสุทธิ















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น