วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

เที่ยวสนุกแบบสบายกระเป๋า




เที่ยวสนุกแบบสบายกระเป๋า
เวลาฉันอยากพักผ่อนพาลูกไปเที่ยว ฉันไม่เคยกังวลเรื่องเงินเลย เพราะฉันมีที่เที่ยวที่สามารถไปได้บ่อยๆ ไม่แพง อีกทั้ง สนุก สบายใจ และสบายกระเป๋าอีกต่างหาก คุณเองก็สามารถพาลูกไปเที่ยวเหมือนฉันได้ค่ะ
สถานที่แรก คือ สนามเด็กเล่นในสวนสาธารณะ เลือกสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศดีๆ ลูกๆจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ได้พบเจอพันธุ์ไม้ รวมถึงสัตว์ต่างๆ มากมายที่จะได้ชี้ชวนให้ลูกดู  ไม่ว่าจะเป็น หนอนผีเสื้อ จิ้งเหลน ไส้เดือน กิ้งกือ กิ้งก่า  อย่าไปคิดว่า สัตว์พวกนี้ ไม่มีอะไรน่าดูนะคะ  เราตัดสินเองจากความคิดของเรา  แต่เด็กๆ ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นหรอกค่ะ  ลูกฉัน 8 ขวบ และ 2 ขวบ  ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอ  นั่งมอง  คอยเดินตาม  คอยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเจ้าสัตว์พวกนี้อย่างสนุกสนาน  พ่อแม่อย่างเราก็ไม่ต้องกลัวอันตราย  เพราะสัตว์เหล่านี้  ไม่มีพิษมีภัยอะไรค่ะ และที่สำคัญ สัตว์พวกนี้ไม่ได้หาดูกันง่ายๆ เหมือนสัตว์ในสวนสัตว์นะคะ  ในชีวิตผู้ใหญ่บางคน  จิ้งเหลนตัวเป็นๆ สักตัวยังไม่เคยเห็น นอกจากนั้น ลูกๆ จะได้มีโอกาสร่วมเล่นสนามเด็กกับเด็กคนอื่นๆ ได้ออกกกำลังกาย ได้รู้จกการรอคอย การเข้าคิว การแบ่งปัน รู้จักการระมัดระวังตัวเอง เด็กๆจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายค่ะ ความสนุกครั้งนี้ ฟรีค่ะไม่มีค่าใช้จ่าย  แถมสนุกกว่านั่งจดจ่ออยู่แต่หน้าจอเกม หรือ ทีวีเป็นไหนๆค่ะ

2. งานวัด แค่เด็กๆได้เห็นแสงสีของหลอดไฟยาวที่ห้อยระย้าลงมามากมาย ที่เป็นสัญลักษณ์ของงานวัด เด็กก็ยิ้มออกและเริ่มสนุกแล้วละค่ะ และคุณพ่อคุณแม่อย่างเรา อย่าลืมที่จะพาลูกๆไปไหว้พระ ตีระฆังใบเล็กๆรอบอุโบสถด้วยไม้เท้า ต่อจากนั้น ก็พาลูกไปรับน้ำมนต์อีกสักนิด ลูกๆฉันชอบใจมากๆที่พระท่านพรมน้ำมนต์ให้ เปียกนิดๆแต่ชุมฉ่ำไปถึงหัวใจ และคุณพ่อคุณแม่อย่างเราต้องบอกถึงความหมายของการทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นด้วยนะคะ และเมื่อไปถึงงานวัดแล้ว กิจกรรมแสนสนุกไม่ว่าจะเป็นปาลูกโป่ง ยิงปืนกระสุนยาง สอยดาว ม้าหมุน  ตักปลา การละเล่นสนุกๆ ที่อาจได้ของติดไม้ติดมือกลับมาเป็นที่ระลึก เพียงครั้งละ20บาท  คุ้มค่ากับรอยยิ้มที่มาจากใจของลูกเรา

3. ตลาดนัดต่างๆก็สนุกนะคะ เดินดูของที่เขานำมาวางขายกัน ยิ่งถ้าเป็นตลาดนัดอาหาร ของทำมือ สัตว์เลี้ยง หรือ ต้นไม้ ตลาดนัดเหล่านี้จะสนุกมากๆเพราะว่าจะมีสิ่งต่างๆที่เด็กไม่ได้เห็นบ่อยนัก เช่น ตลาดนัดต้นไม้และสัตว์เลี้ยง เราสามารถแนะนำให้ลูกได้รู้จักต้นไม้แปลกๆ มากมาย และน่าจะลองให้เด็กเลือกต้นไม้เล็กๆที่ดูแลง่ายๆให้เขาได้ปลูก ได้ดูแลด้วยตัวเขาเองสักหนึ่งต้น   แค่นี้ เด็กๆ ก็มีกิจกรรมยามว่างที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 อย่างแล้วล่ะค่ะ  และที่นี่ยังมีสัตว์ที่เด็กๆชอบมาวางขาย เช่น ลูกเป็ด ลูกไก่ ลูกห่านกระรอก กระต่าย หรือสัตว์แปลกๆแบบชูการ์ไกล์เดอร์ แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อให้เขาเลี้ยงนะคะ และบอกเหตุผลว่า “ การเลี้ยงสัตว์ต้องมีเวลาดูแล ไม่ใช่เลี้ยงเพื่อความสนุกสนาน เบื่อและทิ้ง ถ้าจะเลี้ยงต้องช่วยกันดูแล หนูจะช่วยพ่อและแม่ดูแลอะไรบ้าง ช่วยแม่ให้อาหาร ล้างกรงที่เลอะเทอะทำได้ไหม จะเลี้ยงสนุกและให้แม่เหนื่อยดูแลคนเดียว ไม่ได้นะ   สัตว์เลี้ยงของเรา  เราต้องช่วยกัน”

4. กินข้าวนอกบ้าน ไม่ต้องร้านหรู ราคาแพงหรอกนะคะ อย่างฉันจะเลือกไปร้านอาหารประจำที่ิครอบครัวฉันชอบกิน แต่ธรรมดาซื้อมากินที่บ้าน ฉันก็เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งกินที่ร้านก็เท่านั้นเอง เด็กจะสนุกสนาน ได้บรรยากาศในการกินข้าว เพราะเห็นคนอื่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จะทำให้เด็กๆ กินอาหารได้มากขึ้น และเด็กๆ ก็ได้เรียนรู้ในการเข้าสังคมร่วมรับประทานอาหารในร้านอาหารค่ะ

5. กิจกรรมงานประเพณีต่างๆ อย่าลืมพาลูกไปร่วมงานด้วยนะคะ กิจกรรมสุดโปรดของเด็ก คงไม่มีงานใดเกินสงกรานต์ ตอนลูกฉันยังเล็ก ฉันก็พานั่งรถออกไปดูว่าสงกรานต์ เขาเล่นกันอย่างไร แต่ยังไม่ให้เล่น เพราะมันอันตรายเกินไปสำหรับเด็ก แต่สัญญาว่าเมื่อโตขึ้นจะพาไปอย่างแน่นอน และเมื่อเขาโตพอประมาณ 5 ขวบ ฉันก็ไม่ผิดสัญญา พาลูกออกไปร่วมเล่น หาอุปกรณ์โดนใจอย่างปืนฉีดน้ำสัก1กระบอก แค่นี้ก็เพลินสุดๆแล้วละค่ะ หรือ อย่างงานบวช ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปร่วมงาน ห้ามพลาดที่จะพาลูกไปอย่างเด็ดขาด ตอนแรก ลูกๆอาจจะเบื่อ เพราะคิดไปเองว่า วัดไม่มีอะไรน่าสนุก แต่พอเริ่มงาน ความสนุกคึกคักก็มาเยือน  เมื่อเริ่มมีการแห่นาค  ส่งเสียงร้องโห่ ฮี โห่ ฮี โห่ ฮิ้ว แค่นี้ ลูกๆฉันก็เริ่มสนุก  ยิ้มออกแล้วล่ะค่ะ  เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เดิน 3 รอบ ดูคุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา รำกันอย่างสนุกสนาน และเดิน 3 รอบไม่มีบ่นว่าเหนื่อยสักคำ และ ยิ่งสนุกสุดๆในช่วงที่นาคโปรยทาน เก็บเศษเงินที่ห่อกันอย่างประณีต ได้มาอย่างเต็มไม้เต็มมือ ถึงแม้ค่าของเงินที่จะได้ จะน้อยนิด แต่ค่าความภูมิใจที่ได้รับ  ยิ่งใหญ่กว่ามากค่ะ

อย่ารอช้าที่จะพาลูกของคุณออกไปเปิดหู เปิดตา เปิดโลกของเขาให้กว้าง  เงินทองไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเรารู้ว่าเราควรจะไปที่ไหน ที่เหมาะสมกับฐานะของเรา และดีต่อลูกของเรา การที่ลูกๆของเราได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เด็กๆก็มีความสนุกทั้งนั้นแหละค่ะ เด็กไม่ชอบการถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว ครอบครัวของฉันยึดหลัก ไปไหนไปกัน วันเวลาช่วงที่ลูกๆจะไปไหนมาไหนกับเราตลอด ก็คงไม่เกินอายุ15 หลังจากนั้น เขาก็จะมีโลกส่วนตัวของเขา เรามาใช้ช่วงเวลานี้ แสดงให้เขารับรู้ถึงความรักที่เรามีให้เขา เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในจิตใจเขา ให้มั่นใจในความรักของพ่อแม่ ยามเกิดปัญหาใดๆ ไม่ว่าเขาอายุเท่าไร พ่อแม่อย่างเราก็จะได้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญให้กับเขาได้เสมอ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น