เรื่องราวดีๆในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตัวผู้เขียนได้มีโอกาสไปช่วยเพื่อนๆดูแลเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
ซึ่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นี้ได้สร้างขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ
ตอนนั้นคนตายเยอะมากเด็กบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่เพราะพ่อแม่ตายหมดเด็กจึงไม่มีที่พึ่ง
แล้วก็มีเศรษฐีชาวต่างชาติและเศรษฐีคนไทยได้ระดมทุนสร้างมูลนิธินี้ขึ้นมา
ตอนแรกผู้เขียนว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศไปหางานทำแถวนั้นแต่ส่วนมากมีแต่งานโรงแรมหรือไม่ก็เป็นงานในร้านอาหารซึ่งไม่ใช่แนวทางของเรา
ก็เลยว่าจะขออยู่เที่ยวก่อนสักเดือนสองเดือนแต่ก็ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ด้วย
พอดีมีเพื่อนอยู่ที่นั่นและเขาก็พอจะรู้จักกับมูลนิธิแห่งนี้จึงชวนกันไปขอช่วยงานในนั้น
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ได้เข้าไปช่วยดูแลเด็กๆในนั้น
ที่นั่นเขาได้สร้างเป็นห้องแถวชั้นเดียวมีประมาณยี่สิบกว่าห้อง
ซึ่งแต่ละห้องก็กว้างขวางพอสมควรเพราะเขาให้เด็กอยู่ห้องละสี่คนมีทีวี ตู้เย็น พัดลมให้พร้อม
ส่วนเครื่องซักผ้าก็จะอยู่บริเวณด้านนอกที่เขาจัดไว้ให้เป็นที่ซักผ้า
ในมูลนิธินั้นจะมีน้องๆนักศึกษาที่เป็นคนประเทศสวีเดนจะเปลี่ยนกันมาดูแลเด็กๆคนละสองเดือนแล้วก็จะกลับประเทศไป
และจะมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเด็กๆอีกต่างหาก
มีแม่บ้านที่จะต้องทำอาหารให้เด็กๆกินทุกวัน
หกโมงเช้าพวกน้องๆชาวต่างชาติก็จะเดินไปเคาะประตูห้อง
Good morning ทุกห้องเพื่อปลุกให้เด็กๆตื่น อาบน้ำ แต่งตัว ไปกินข้าว พอกินข้าวเสร็จเด็กๆก็จะไปยืนต่อแถวเพื่อรับเงินไปโรงเรียนคนละยี่สิบบาท
และจากนั้นก็จะมีรถรับส่งของทางมูลนิธิไปส่งที่โรงเรียนทุกเช้า
พอถึงเวลาเลิกเรียนเด็กๆกลับมาถึงห้องทุกคนต้องเอาเสื้อผ้าไปซักตากเอง
ช่วยกันทำความสะอาดห้องและพื้นที่รอบนอกให้สะอาด เป็นการฝึกระเบียบวินัยให้เด็กๆด้วย
จากนั้นก็ให้เด็กๆไปอาบน้ำและให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารเวลาห้าโมงเย็น
หกโมงเย็นก็ไปรวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อทำการบ้านโดยมีพี่ๆเจ้าหน้าที่คอยสอนการบ้านให้
ทำเสร็จก็จะต่อด้วยการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษโดยพี่ๆชาวต่างชาติเป็นคนสอน
พอถึงวันหยุดเด็กๆก็ต้องตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมตั้งแต่หกโมงเช้าเหมือนทุกๆวันไม่ใช่ว่าวันหยุดแล้วจะนอนตื่นสายได้
ทำกิจกรรมเสร็จหมดทุกอย่างแล้วเด็กๆก็จะได้พักผ่อนตามอัธยาศัย แต่ทุกเสาร์ อาทิตย์
เจ้าหน้าที่ก็จะพาเด็กๆไปว่ายน้ำหรือไม่ก็จะพาไปเที่ยวตามเกาะต่างๆอยู่แล้ว กลางคืนวันเสาร์ก็จะจัดปาร์ตี้เล็กๆกันเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องเงิน และข้าวของที่ได้รับบริจาคมานั้นส่วนมากจะได้รับมาจากประเทศสวีเดน
ส่วนที่ไทยก็จะมีทั้งส่วนของภาครัฐและเอกชนเข้ามาไปช่วยอยู่เป็นระยะๆ
ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยงานในนั้นก็รู้สึกมีความสุขไปกับเด็กๆด้วยที่เห็นพวกเขาไม่ต้องลำบากเพราะไม่มีพ่อไม่มีแม่
แต่ถึงอย่างไรมีความสุขแค่ไหนก็ไม่เท่าอยู่กับครอบครัวของตัวเอง
เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อเยียวยาจิตใจของเด็กๆและให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นคนดีของสังคมต่อไป
คนเราเกิดมามีพ่อมีแม่กันทุกคน
แต่วันใดวันหนึ่งเราไม่มีทั้งพ่อและแม่เราจะอยู่ได้ไหม
คำตอบคือต้องอยู่ให้ได้เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นได้
เลือกที่จะเป็นคนดีก็เป็นคนดีได้หรือเลือกที่จะเป็นคนไม่ดีก็เป็นได้เหมือนกัน
ซึ่งก็มีเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวหลายๆคนที่มาจากครอบครัวแตกแยกแต่ก็มีหน้าที่การงานที่ดี
เป็นที่นับหน้าถือตาของสังคมก็มีให้เห็นเยอะแยะ
เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกๆคนที่เกิดมาเพียบพร้อมหรือเกิดมาโดยที่ไม่เหลือใครเลย
ขอให้สู้และใช้ชีวิตอย่างมีสตินะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น